11/12/2560

Cotton rose-Cotton rose hibiscus-Confederate rose-Confederate rose mallow-ดอกพุดตาน-ดอกสามสี-มหัศจรรย์ดอกไม้

          สวัสดีครับ  วันนี้ผมมีดอกไม้มาเสนอครับ
นั่นคือ  ดอกพุดตาล  หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ดอกสามสี  ตอนผมไปซื้อมาจากร้านดอกไม้ผมก็งงเลยที่คนขายบอกว่าดอกสามสี  แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วครับว่าทำไมเรียกดอกสามสี   เพราะตอนเช้า  จะมีสีขาว จากนั้นสีก็จะเริ่มเข้มมากขึ้น  จนในช่วงบ่ายๆ จะเห็นเป็นสีชมพูอ่อน  แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนมืดค่ำก็จะเห็นดอกพุดตานเป็นสีชมพูเข้มมากขึ้น  จึงเป็นที่มาของดอกสามสีครับ
จึงเป็นดอกไม้มหัศจรรย์เลยที่เดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงของสีไปตามการได้รับแสงแดด  จากขาว  ---  ชมพูอ่อน  -- ชมพูเข้ม  และหากสังเกตุดอกที่เริ่มเหี่ยวเฉาก็จะเป็นสีม่วงครับ

 ลองมาชมดอกพุดตาล หรือ ดอกสามสีกันดีกว่าครับ  ภาพทั้งหมดนี่ผมถ่ายเอง ไปเฝ้าดูดอกไม้ตามที่คนขายบอกว่าเปลี่ยนสี ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นครับ
 ภาพนี้ดอกสีขาว ถ่ายเวลาประมาณ 9 โมงเช้า 

ดอกสีชมพูอ่อนด้านบน ถ่ายในเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า 13.45
 ดอกสีชมพูเข้ม ถ่ายในช่วงเวลา เกือบ 18.00 น. มืดแล้วจึงต้องใช้แฟลชช่วยครับ
ส่วนภาพด้านล่างก็ช่วงบ่าย 13.45 เวลาประมาณนั้น สีชมพูอ่อนสวยดีครับ 
ส่วนด้านล่างเป็นความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพุดตาน หรือต้นดอกสามสีครับ
ความรู้เพิ่มเติม

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Hibiscus mutabilis L.
ชื่อวงศ์:  Malvaceae
ชื่อสามัญ:  Rose of Sharon, Cotton rose hibiscus,Changeable  rose  mallow, Confederate  rose mallow
ชื่อพื้นเมือง:  ดอกสามสี ดอกสามผิว
ลักษณะทั่วไป:
    ต้น  ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นและกิ่งก้านมีสีเทา มีขนปกคลุม
    ใบ  ใบเดี่ยว  เรียงสลับ  ใบรูปไข่   กว้าง 9-20 เซนติเมตร  ยาว 10-22 เซนติเมตร ปลายใบแหลมโคนใบรูปหัวใจ  ขอบใบเว้าลึก 3-5 แฉก  แผ่นใบสีเขียวค่อนข้างหนา   มีขนปกคลุมทั่วใบ สากมือ
    ดอก  สีขาว ชมพูและชมพูเข้ม ออกดอกเดี่ยวตามซอกใบที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีขน กลีบดอกมีทั้งแบบชั้นเดียว หรือซ้อนกัน กลีบดอกเปลี่ยนสีไปตามอุณหภูมิของวัน ในตอนเช้าสีขาว กลางวันสีชมพู   และตอนเย็นเป็นสีชมพูเข้ม ยอดเกสรเพศเมียสีเหลือง ขนาด 8-12 เซนติเมตร ดอกบานเต็มที่กว้าง 8-12 เซนติเมตร
    ฝัก/ผล  ผลแห้ง  ทรงกลมมีจะงอย  ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร เมื่อแก่แล้วแตกเป็น 5 แฉก
    เมล็ด  เมล็ดรูปไต มีขนยาว
ฤดูกาลออกดอก:  ออกดอกดกตลอดปี
การปลูก:  ปลูกบังกำแพง หรือทิวทัศน์ที่ไม่น่าดู
การดูแลรักษา:  ชอบอยู่ตามที่ดอนกลางแจ้ง แสงแดดจัด ไม่ชอบที่แฉะหรือมีน้ำขัง ปลูกได้ดีในดินร่วนซุย ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง
การขยายพันธุ์:  ตอนกิ่ง  ปักชำกิ่ง
การใช้ประโยชน์:
    -    ไม้ประดับ
    -    สมุนไพร
ถิ่นกำเนิด:  ประเทศจีน
สรรพคุณทางยา:
    -    ใบแห้งผสมกับน้ำผึ้งใช้ทารักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้
    -    ราก ใช้ต้มกินหรือใช้รากฝนทา เป็นยารักษาอาการประดง รักษาโรคผื่นคันตามผิวหนัง และอาการปวดแสบ ปวดร้อนตามร่างกาย
ส่วนที่ใช้ : ใบสด หรือใบตากแห้ง ดอก เก็บดอกตอนเริ่มบานเต็มที่ รากเก็บได้ตลอดปี ตากแห้งหรือใช้สดก็ได้
    -   ยารักษาคางทูม
    -   ยาถอนพิษ รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลมีหนอง
    -   ยาแก้งูสวัด
สารเคมี
ใบ มี Flavonoid glycosides , phenol, amino acid, tannin
ดอก มี  Flavonoid glycosides
Flavonoid glycosides จะมีปริมาณเปลี่ยนไปตามสีของดอกไม้เมื่อบานเต็มที่ สีแดงจะมี anthocyanin ในตอนที่ดอกมีสีแดงเข้ม จะมีปริมาณของ  anthocyanin เป็น 3 เท่าของตอนที่มีดอกเป็นสีชมพู

ขอขอบคุณความรู้ดีๆ จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/yuki/2013/12/03/entry-7