สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับท่านที่ติดตามมาถึงตอนที่ 3 นะครับ จากชีวิตในวัยเด็กของผมซึ่งเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนบ้านหินเทิน โรงเรียนเล็ก ๆ ในเขตตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี โดยในช่วงที่กำลังเรียนอยู่นั้น ผมก็มีคำถามในตัวเองมากมาย ทั้งเรียนจบแล้วจะไปทำอะไรดี จะได้เรียนต่อเหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า เพราะที่บ้านไม่มีเงินที่จะส่งเรียน อีกทั้งต้องไปเรียนที่ตัวตำบล หรืออำเภอ พ.ศ. 2533 สมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนขยายโอกาส
จนอยู่มาวันหนึ่งทางโรงเรียนและครูประจำชั้นก้นำเอกสารประชาสัมพันธ์มาอ่านแจ้งให้ทราบเรื่องการเรียนต่อชั้น ม.1 เขาบอกว่าบวชเรียนต่อ ม.1 ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่จังหวัดระยอง ติดทะเลด้วย
ผมก็เลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อแม่ ว่าจะเอาอย่างไรดี ในช่วงเย็นเรา 4 คน พ่อแม่ ผม และน้องสาวก็นั่งคุยกไปเกี่ยวกับข่าวรับสมัครนี้ ท่ามกลางแสงไฟฟ้าขนาด 20 วัตต์ ที่อาจจะไม่สว่างมากนัก พูดคุยกันไปมาสุดท้ายพ่อก็บอกว่า ถ้าจะให้ส่งเรียนแบบปกติเขาก็คงไม่ได้ อยากเรียนก็คงต้องไปบวชที่ระยอง ใจของผมตอนนั้นก็ลังเลอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดี จะบวชหรือไม่บวช แล้วในวันที่ครูประจำชั้นถามก็มาถึง ผมก็ตอบด้วยใจแป้ว ๆ ว่า บวชครับ
หลังจากนั้นผมก็เรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และแล้ววันที่ 27 มีนาคม เป็นวันที่ผมออกเดินทาง โดยพ่อได้เช่าเหมารถของลุงแถวบ้านให้พามา และก็มีเพื่อนมาด้วยกันอีก 2 คน รวมผมก็เป็น 3 คน เดินทางมาถึงระยองก็สอบถามชาวบ้านแถวตลาดบ้านเพ ว่าวัดเขาสาปที่บวชเรียน ม.1 อยู่แถวไหน
ชาวบ้านก็บอกเส้นทางให้มาตามชายหาดจะเห็นภูเขาเล็ก ๆ อยู่กึ่งกลางหาดแม่รำพึงพอดี เดินทางมาถึงแต่เช้า ก็แวะกินข้าวแถวหาดริมทะเล (พูดถุึงทะเลบอกได้เลยว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นทะเลกว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตา เคยแต่อ่านเจอในหนังสือเรียนและและก็ทางทีวีเท่านั้น เมื่อได้ลงน้ำทะเลครั้งแรกสิ่งที่ทำ คือ ชิมความเค็มของน้ำทะเล ) เป็นข้าวที่ห่อมาจากบ้าน จากนั้นก็เดินทางเข้าไปในวัด เป็นวัดที่ร่มรื่นมาก มีต้นไม้มากมาย มีสามเณรอีกเป็นร้อยรูป จากนั้นก้เข้ากราบพระอาจารย์ท่านก็สอบถามเกี่ยวกับตัวผม และพ่อแม่ อาชีพของเรา และก็ไปกรอกใบสมัครเรียน
อีกช่วงที่ตื่นเต้น คือ ต้องไปโกนหัว ครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้โกนหัว และ ใส่ชุดขาวมีสบงกับสไบ เสื้อผ้าก็ให้พ่อแม่เอากลับบ้าน โกนผมเรียบร้อยพ่อก็นำ หมอน มุ้ง เสื่อ รองเท้าแตะมาให้ สามเณรพี่เลี้ยงก็พาไปสถานที่พัก แล้วจากนั้นผมก็มาคุยกับพ่อแม่ ตอนนี้นรู้สึกใจหวิว ๆ เพราะไม่เคยจากบ้านมาไกลขนาดนี้ คุยได้สักพักน้ำตาก็เริ่มคลอมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็ร้องไห้ เมื่อพ่อแม่จะกลับ ผมก็ร้องไห้ตาม จนท่านแอบกลับไป ผมหาไม่เจอก็หยุดร้อง และมาทำกิจกรรมกับนาคที่มาเรียนคนอื่น ๆ
นั้นก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิตผม จากช่วงวันเด็กที่ไม่มีอนาคต มองไม่ออกว่าจบ ป.6 แล้วจะไปทำอะไร เพราะฐานะที่ยากจนและบ้านก็อยู่ในเขตป่าเขา เมื่อได้มาสมัครเรียนต่อก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีความอยากที่จะเป็นนั้น เป็นนี่มากขึ้นเรื่อย ติดตามการเปลี่ยนแปลงของชีวิตผมได้ในตอนที่ 4 ขอบคุณครับ