Veiw-of-Wat-Mahathat-(Ayutthaya)-วิวสวย-จาก-วัดมหาธาตุ-ความยิ่งใหญ่ของกรุงศรีอยุธยา

          สวัสดีครับ จากทิปเดินทางท่องเที่ยวโบราณสถานที่จังหวัดอยุธยาก็ทำให้ได้ทราบเรื่องรวม หรือประวัติความเป็นมาของวัดต่างๆ อย่างเช่นวันนี้ก็จะนำเสนอเกี่ยวกับวัดมหาธาตุ  ซึ่งเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่มาก  แต่ก็เสียหายอย่างหนักจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ลองมาชมภาพความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์และศิลปะที่สวยงามกันนะครับ

          วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา Wat Mahathat (Ayutthaya)  เป็นหนึ่งในวัดใน
เขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วัดมหาธาตุเป็น
วัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร
และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจวบจนถูกทำลายและถูกทิ้งร้างลงหลังเสียกรุงครั้งที่ 2

ประวัติ
          วัดมหาธาตุเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ใกล้วัดราชบูรณะ ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ขุนหลวงพะงั่ว เมื่อปี พ.ศ. 1917
แต่ไม่แล้วเสร็จ ทรงเสด็จสวรรคตเสียก่อน และได้สร้างเพิ่มเติมจนเสร็จ ในสมัย สมเด็จพระราเมศวร
โดยได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระปรางค์ประธาน และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้
ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ.1927

watphananchoeng-ท่องเที่ยว-ไหว้พระ-โบราณสถาน-สมัยอยุธยา-วัดพนัญเชิง-จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

          ตั้งแต่ละครบุพเพสันนิวาสออกอากาศ ทำให้กระแสออเจ้าดังมาก แม้แต่ที่โรงเรียนผมก็ยังมีการจัดทัศนศึกษาเส้นทางประวัติศาสร์สมัยอยุธยา  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผมก็เลยถือโอกาสไปท่องเที่ยวและไหว้พระในวัดต่างๆ ได้แก่วัดใหญ่ชัยมงคล  วัดที่สองคือวัดนี้

วัดพนัญเชิงฯ 

ซึ่งมีพระคู่บ้านเมือง คือหลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรืออีกชื่อหนึ่งที่ชาวจีนได้ให้ความเคารพและเรียกว่า ซำปอกง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมานมัสการ
เคยได้ยินแต่ทางโทรทัศน์
พอพบเห็นก็อัศจรรย์ใจถึงความยึ่งใหญ่ของพระประธานที่สูงใหญ่โตมาก ในวันที่ไปก็มีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวจีนมาไหว้พระจำนวนมาก นอกจากนั้นพอได้ศึกษาประวัติของวัดและพระพุทธไตรรัตนายกยิ่ง
มีความอัศจรรย์เพิ่มขึ้นเพราะเป็นวัดเก่าแก่ โบราณสถานในสมัยกรุงศรีอยุธยาด้วย ลองมาชมภาพที่ผมได้ถ่ายภาพมาฝากและศึกษาประวัติของวัดพนัญเชิงฯกันครับ

           วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา 

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร มีจุดเด่นสำคัญ คือ 

พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง 

ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา  เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า 

ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนา

กรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี

Veiw-of-Wat Yai Chaimngkol-ayutthaya-ภาพสวยจากท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์-วัดใหญ่ชัยมงคล-อยุธยา

           สวัสดีครับ  เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2561 ได้มีโอกาสเดินทางไปทัศนศึกษาตามเส้นทางประวัติศาสตร์อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญตามประวัติศาสตร์ของชาติไทย คำขวัญจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

" ราชธานีเก่า    อู่ข้าวอู่น้ำ  
เลิศล้ำกานท์กวี   คนดีศรีอยุธยา " 

ด้วยความที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นราชธานีเก่า จึงมีโบราณสถานที่สำคัญหลายแห่ง  ซึ่งสถานที่แรกนี้ก็คือ
วัดใหญ่ชัยมงคล  40/3 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดป่าแก้วหรือวัดเจ้าพระยาไท  เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่ง  สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น คือในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิปดีที่ 1 หรืออีกพระนามหนึ่งคือ สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง  พระมหากษัตริย์ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยา 

มหาเจดีย์ของวัดใหญ่ไชยมงคล

History of Wat Khao Sap-ประวัติวัดเขาสาป

          วัดเขาสาปหรือวัดมงคลสามัคคีธัมโมทัย เป็นวัดเล็ก ทีมีภารกิจยิ่งใหญ่ คือ งานสร้างคน คือรับเด็กยากจนที่จบชั้น ป.6 มาบรรพชาเป็นสามเณร เข้าเรียนหลักสูตรโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ม.1-ม.6  เป็นหลักสูตรของกระทรวงศึกษา โดดยมีกรมการศาสนาเป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งปัจจุบันมีสำนักเรียนทั่วประเทศประมาณ 100 โรงเศษ

          วัดเขาสาปนั้นตั้งอยู่ที่บ้านจำรุง หมู่ 1 ตำบลเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง มีการคิเริ่มคิดสร้างเมื่อปี 2495 โดยการนำของนายอุทัย เจริญสวัสดิ์ ชาวกรุงเทพฯ กับนายเจียม ชลศิริ ชาวบ้านจำรุง ชักชวนชาวบ้านยินดียกที่ดินเชิงเขาให้สร้างวัด 4 ราย คือ นายไทย ขวัญม่วง นายเสริม อินพรหม
นายจั๋ง จาระติกรรมา และนายป่อง ชลสวัสดิ์

          ต่อมาเมื่อปี 2500 นายจำเนียร  เจียมสมบูรณ์ หัวหน้าแผนกรังวัดที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ขอให้นายอุทัย เจริญสวัสดิ์  ช่วยเหลือพาพระพม่าและชาวพม่าเที่ยวต่างจังหวัด เพื่อชมวัดที่นครปฐม อยุธยา สระบุรี และล่องน้ำชมวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา พระและชาวพม่าเหล่านี้มาใน
งานฉลองพุธศตวรรษ 2,000 ปี โดยอาศัยอยู่ที่
วัดมอญ เจริญพาสน์ (วัดประดิษฐาราม) ซึ่งนายจำเนียรมีบ้านอยู่ใกล้วัดแห่งนี้ โดยมีพระสุชิน ญาณรังสี เป็นล่ามคอยแปลภาษาพม่าเป็นภาษาไทยในระหว่างการนำเที่ยว

          เมื่อสิ้นสุดการฉลองกึ่งพุทธกาลแล้ว
พระและชาวพม่าก็ใคร่จะขอตอบแทนความเอื้อเฟื้อของนายอุทัยบ้าง นายอุทัยจึงปรึกษากับนายจำเนียรว่าขอให้ช่วยสร้างพระประธานหินอ่อนและพระพุทธบาทจำลองหินอ่อนไปไว้ประจำวัดเขาสาปที่สร้างขึ้น  โดยนายอุทัยได้ให้เงินมัดจำไปก่อน 20,000 บาท เมื่อตกลงราคาจริงเท่าใหร่ให้แจ้งราคามาแล้วจะส่งเงินไปเพิ่ให้ทันที

Buddhist Lent-เข้าพรรษา-ช่วงเวลา-ลด-ละ-เลิก-อบายมุข-มาเริ่มต้นร่วมสร้างบุญ-ความดี-กันเถอะ

          วันเข้าพรรษา หรือวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ถือเป็นวันที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนไทย เนื่องจากเป็นวันเริ่มต้นการจำพรรษา(อยู่ประจำที่วัด โดยไม่ธุดงค์ไปไหน) อยู่ในอาราม วัดใดวัดหนึ่งของ
พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นช่วงฤดูฝน ฤดูกาลของการเพาะปลูก   เพราะการที่พระสงฆ์ได้เดินธุดงค์หรือจาริก บำเพ็ญเพียรไปตามที่ต่างๆ  อาจจะเป็นการเหยียบย่ำต้นพืชของชาวบ้าน หรือเป็นช่วงที่สัตว์ได้ขยายพันธ์ ออกหากิน  พระพุทธเจ้าจึงได้บัญญัติให้จำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน  ด้วยเหตุนี้ชาวพุทธ จึงถือเอาความสำคัญนี้มาเป็นจุดเริ่มต้นของการลด ละ เลิกอบายมุข(อบาย = ความเสื่อม  มุข = ปากทาง/ทาง)ต่างๆ เช่น การงดการดื่มสุราเมรัย การตั้งใจเลิกบุหรี่  หรือ การตั้งใจปฏิบัติตนเป็นคนดี การถือศีลปฏิบัติธรรม  เสียสละต่อส่วนรวมเป็นต้น

          ในวันเข้าพรรษาในปีนี้ผมก็ได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัดร่วมกับครอบครัวที่วัดหินดาษ  วัดแถวบ้านผมนั่นเอง การไปทำบุญที่วัดครั้งนี้ผมได้เห็นศรัทธาของพุทธศาสนิกนจำนวนมากมาย เรียกกันได้ว่าเต็มความจุของศาลาการเปรียญหลังใหญ่เลที่เดียว ต่างคนต่างนำอาหารหวานคาว  รวมทั้งเครื่องสังฆทาน ผ้าอาบน้ำฝน เทียนจำนำพรรษามาถวายพระภิกษุสงฆ์  เพื่อจะนำไปใช้ในช่วงเข้าพรรษาตลอดเวลา 3 เดือนนั่งเอง

เครื่องสังฆทาน  ผ้าอาบน้ำฝน เทียนจำนำพรรษา ที่อุบาสก อุบาสิกานำมาถวายพระสงฆ์
แม้ว่าศาลาจะหลังใหญ่แค่ไหนก็ตามพุทธศาสนิกชน ผู้มีศรัทธาก็มาร่วมทำบุญเนื่องในวันเข้าพรรษาที่วัด

Art of temple walls-ศิลปะ-กำแพงวัด

          สวัสดีครับ ผมก็ห่างหายไปนานจากการเขียนบล็อกวันนี้ได้มีโอกาสกลับมาเขียนเล่าประสบการณ์พบเห็น
          สำหรับวันนี้มีภาพศิลปที่ใช้ในการตกแต่งกำแพงวัดแบ่งปันทุกท่านได้ชม ภาพที่ถ่ายมานี้อาจจะเก่าหลายเดือนแล้ว เพราะปัจจุบันนี้แกแพงของวัดนี้ก็ทาสีเสร็จแล้วเป็นส่วนใหญ่  กงล้อธรรมจักรตรงกลางเป็นสัญลักของพระพุทธศาสนาที่พุทธศาสนิกนรู้จักกันดี โดยเฉพาะเวลาวัดมีงานำบุญต่างๆจะพบธรธรรมจักรสีเหลืองปลิวไสวไปตามเส้นทางต่างๆ   การเคลื่อนไปของกงล้อแหล่งธรรมนี้เกิดขึ้นเมื่อพระพุทธเจ้าแได้แสดงธรรมแก่ปัญยจวัคคีย์ทั้ง 5 และพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้รู้ตามธรรมที่ทรงเทศน์โปรด 

ส่วนใบเสมาก็คือสัญลักษณืแทนใบโพธิ์  ต้องเป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้อริยสัจ 4 นั่นอง ส่วนกำแพงที่เสร็จแล้ว ผมจะถ่ายภาพมาแบ่งปันอีกทีครับ

Art from temple-beautiful design-ศิลปะงามจากวัด

          สวัสดีครับ วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ไปร่วมงามอุปสมบท หรือบวชพระที่วัดดงยาง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นงานของลูกชายอาจารย์ที่โรงเรียน วัดที่บวชก็เป็นวัดบ้านธรรมดา ไม่หรูหราหรือใหญ่โตอะไรระหว่างรอการแห่นาคผมก็ได้เดิมชมวัดชมอุโบสถ ก้ได้พบกับความสวยงามของศิลปะที่นำมาตกแต่งโบสถ สีที่ใช้ก็เป็นสีทอง ขาวแดง เขียว เป็นสีที่สดใสดีจริง ก็อดที่จะถ่ายภาพศิลปะของวัด มาฝากแบ่งกันชมความงามของศิลปะคนไทย ลายไทย รวมทั้งพระพุทธศาสนาด้วยครับ

อุโบสถ หรือโบสถ์  เป็นชื่อเรียกสถานที่สำหรับพระภิกษุสงฆ์ ได้ทำกิจกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น
การสวดปาฏิโมกข์  (มักทำในวันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันพระใหญ่) เป็นการทบทวนพระวินัยหรือข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ 227 ข้อ  การอุปสมบท หรือบวชพระ ก็จะต้องทำในโบสถ์ เท่านั้นนะครับ ถ้าบวชเณร หรือ บรรพชา อาจจะทำในวิหาร หรือ กุฏิ ก็ได้ ดังนั้นโบสถ์โดยส่วนใหญ่จึงถูกตกแต่งให้มีความวิจิตร สวยงามด้วยศิลปะที่มาจากความเชื่อว่านี้คือ สถานที่เปรียบดั่งวิหารบนสรวงสวรรค์ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นสถานที่ให้ความเคารพบูชาพระพุทธเจ้าครับ

Travel at temple เดินทางท่องเที่ยววัดรัตนเนตตาราม จ.ปราจีนบุรี

         สวัสดีครับ  ช่วงวันแม่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาแม่ไปไหว้พระที่วัดรัตนเนตตาราม  ต.สัมพันตา  อ.นาดี  จ.ปราจีนบุรี ครับ ก็ถือเป็นวัดที่มีศิลปะที่สวยงามวัดหนึ่งเลยทีเดียว   ในวันที่ไปผู้คนไปไหว้พระจำนวนมากเลยครับ กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็ใช้เวลาพอสมควร  เมื่อไปถึงแล้วก็ไปไหว้ พระ และชมความงามของพระปางต่างๆที่ประดับจากหอยหลากสี ครับ

           เพราะการนำหอยมาประดับตกแต่งพระพุทธรูปนี่เองมีชาวพุทธจำนวนมากไปไหว้พระและเยี่ยมชมจำนวนมาก  หลากใครมีโอกาสก็ลองไปชมกันนะครับ

ประเพณี-ขึ้นเขา-เผา-ข้าวหลาม-วัด-สุวรรณคีรี-ฉะเชิงเทรา-งาน-ประจำ-ปี-เดือนสาม

          สวัสดีครับ วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันหนึ่งของไทย และก็ชาวบ้านก็ถือเอาวันนี้เป็นวันสำคัญทางวัฒนธรรมประเพณีด้วย  อย่างเช่นที่ วัดสุวรรณคีรี หรือชื่อเดิมวัดเขาดงยาง อ.พนมสารคาม  จ.ฉะเชิงเทรา  ก็ถือเอาวันเพ็ญเดือนสามเป็นวันในการทำบุญ ไหว้พระบนภูเขา ใช้ชื่อเทศกาลว่า "เทศกาลขึ้นเขาเผาข้าวหลามวัดสุวรรณคีรี" ก็จัดขึ้นทุกปีครับ

          นี่ก็เป็นครั้งที่สองที่ผมเองได้เดินทางไปร่วมงานขึ้นเขาเผาข้าวหลาม เป็นงานที่คนเยอะมาก (เยอะแค่ไหนลองดูจากภาพนะครับ)
ในงานก็มีกิจกรรมไหว้พระมากมาย กิจกรรมการกุศลต่าง  มีร้านค้าอาหารจำหน่าย เรียกว่า ทำบุญสบายใจ อิ่มท้องด้วย  ส่วนที่คนชอบมากมายเลยคือการเดินขึ้นเขาไปไหว้พระพุทธไสยยาสน์ ที่ประดิษฐ์บนยอดเขา ผมก็ไม่รู้ว่าสูงแต่ไหน แต่ก็เดินเมื่อยเหมือนกัน ถือเป็นการทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย ลองชมภาพกันนะครับ

ภาพพุทธศาสนิกชนเดินขึ้นเขาดงยางเพื่อนมัสการพระพุทธไสยยาสน์บนยอดเขา ด้วยเส้นทางธรรมชาติ แต่ก็มีบันไดให้นะครับ

การเดินขึ้นเขาก็จะพบกับธรรมชาติ ป่าไม้  ด้านบนมีโรงทาน อาหาร น้ำ ไว้ต้อนรับเพื่อสร้างพลังงานในการเดินไปให้ถึงมณฑป รวมทั้งได้ชมวิวรอบบริเวณนั้นด้วยครับ สวยอีกแบบ

จุดหมายปลายทาง คือ มณฑปพระพุทธไสยยาสน์ ดูภาพกันนะครับ  ทุกช่วงเวลาผู้คนคับคั่งเลยที่เดียว

เชิญชวนทุกท่านครับ ขึ้น 15 ค่ำ  เดือน 3  มาทำบุญ ร่วมงาน ขึ้นเขาเผาข้าวหลามกันนะครับ

ภาพจากการเดินทางไปทำบุญ

          สวัสดีครับวันนี้นำภาพจากวัดที่ได้ไปทำบุญทอดผ้าป่ามาที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว  แบ่งกันชมนะครับ สวยดีครับ