สวัสดีครับ มาแล้วสำหรับตอนที่ 2 เรื่องของชีวิต หลังจากที่ผมได้ย้ายบ้านมาจาก อ.วังน้ำเย็น ก็มาอยู่ที่หมู่บ้านวังทะลุ ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ที่หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีบ้านเรือนมากมาย หลากหลายซอยเลยทีเดียว มีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่านหมู่บ้านแยกออกเป็น 2 ฝั่งคลอง ชีวิตในวันเด็กของผมก็เริ่มต้นที่นี่แหละ ผมย้ายมาเรียนต่อ ป.2 ที่โรงเรียนบ้านหินเทิน ซึ่งห่างจากบ้านของผมประมาณ 5 กิโลเมตร ช่วงแรก ๆ ผมก็เดินทางไปโรงเรียนด้วยรถโดยสาร เที่ยวเช้า เป็นสายบ้านวังทะลุ - สระแก้ว จำไม่ผิดก็น่าจะออกช่วงหกโมงเช้า ผมเดินทางไปพร้อมกับพี่ชาย ขากลับก็รอรถโดยสารกลับ บางทีก็อาศัยนั่งซ้อนท้ายจักรยานของพี่ที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน
ช่วงชีวิตในช่วงเด็กตอนนั้น พ่อแม่ก็จะไปทำนา ที่เช่าเขาพอได้ข้าวสำหรับไว้กินในแต่ละปี แต่ถ้าจำเป็นก็จะนำไปขายนำเงินมาใช้จ่าย นอกจากการทำนา พ่อแม่ก็จะไปรับจ้างปลูกมัน ตัดอ้อยบ้าง บ้างครั้งกลับมาจากโรงเรียนก็ต้องนั่งรอพ่อแม่ที่บ้านของน้า ๆ คนรู้จัก (เป็นร้านขายของ)
สิ่งที่พ่อสอนและพาปฏิบัติทุกวันก็คือการเก็บออม โดยทุกวันพ่อแม่ได้เงินมาจากการทำงาน ก็จะนำมาให้พี่ ผม และน้องได้หยอดออมสินวันละ 5 บาท ซึ่งเราก็ทำแบบนี้กันทุกวัน อาหารการกินก็ตามแบบชนบททั่วไป ปลาทอด ไข่ทอด ผักน้ำพริกปลาร้า ปลาร้าสับ หมูบ้างตามแต่จะหาได้
ผมไปอยู่หมู่บ้านนี้ก็มีการย้ายสถานที่สร้างบ้านกัน 3 ครั้ง ครั้งหลังสุดคือ บ้านที่ติดกับทุ่งนา มีการขุดสระเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด มีโรงสีข้าว ที่มีชาวบ้านข้ามมาสีมากมาย สีข้าวเปลือก 1 ครั้งก็จะคิดค่าสีโดยคิดเป็นข้าวสาร 1-2 ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ส่วนเงินต้องจ่ายไหมผมจำไม่ได้จริง ๆ ผมเองก็เคยช่วยสีข้าว ยกข้าวเทในกะบะ บางวันก็มีคนมาขอซื้อรำ บางวันก็แกลบ ข้าวปลายก็มีคนมาซื้อ ซึ่งมีข้าวมาให้สีทุกวันเลยทีเดียว
อยู่หมู่บ้านนี้อาชีพนอกจากสีข้าวก็คือ ทำนา มาอยู่บ้านนี้ช่วงแรก ๆ ก็ใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าซ วันไหนน้ำมันก๊าซหมดก็ต้องอาศัยเทียนเอา ทำการบ้านกับตะเกียงมาหลายปี กว่าหมู่บ้านจะมีไฟฟ้าใช้
อีกประสบการณ์หนึ่งช่วงกลางคืนในแต่ละช่วงฤดูก็จะมีกิจกรรมช่วงกลางคืนที่แตกต่างกัน เช่น ช่วงหน้าแล้งก็จะออกหาเขียดมาทำอาหารและขาย ติดไฟสีม่วงไว้ดักแมลงรวมทั้งแมงดานา มาขาย และทำอาหาร ผมก็เคยชอบมากข้าวเหนียวร้อนกับคั่วแมลงกระซอน ส่วนในช่วงปลายฝนน ก็ออกลงเบ็ดหาปลาดุกนาด้วยเหยื่อคือแมลงเม่า บางครั้งก็ใช้ไฟฉายและฉมวงแทงเอาช่วงกลางคืน บางครั้งก็ออกไปจับกระท่าง สัตว์ชนิดเดียวกับกิ้งกา แต่ตัวสีเขียว ไปจับต้องเข้าไปในป่าลึกหน่อยใช้ไฟจากตะเกียงแก๊ส จับมาตัวเป็น ๆ ได้ราคาดี แต่ก็มีเฉพาะช่วงเท่านั้น
ชีวิตในวัยเด็กสถานที่ไปเล่นส่วนใหญ่ก็เป็นบ้านเพื่อน แล้วก็ชวนกันไปเล่นน้ำคลองของหมู่บ้าน เป็นคลองใหญ่ เป็นสายน้ำมาจากภูเขาช่วงที่เล่นได้ก็มีแต่ช่วงหน้าแล้งเพราะน้ำน้อย หากในฤดูฝนก็จะมีน้ำมาก จนบางครั้งท่วมสะพาน ทำให้เดินข้ามอีกฝั่งไม่ได้ จะไปโรงเรียนก็ต้องอาศัยเรือ หรือบางครั้งก็ต้องขาดเรียนกันเลย
ช่วงที่ผมยังพอจำเรื่องราวได้ชัดเจนก็คงจะเป็นช่วง ประถม 5-6 การเดินทางไปโรงเรียนช่วงนี้ก็ไม่ไปกับรถโดยสารแล้ว อาศัยการปั่นจักรยานที่พ่อซื้อมาจากร้านของเก่าเอามาซ่อมให้ การปั่นจักรยานมีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ปั้นไปโรงเรียนพร้อมกันมากพอสมควร ยิ่งช่วงนึงมีข่าวเรื่องซีอุย ยิ่งพากันจับกลุ่มไปด้วยกันมากขึ้น ถนนไปโรงเรียน 5 กิโลนั้นเป็นถนนลูกรังบางจุดก็เป็นทราย ปั่นไม่ได้ก็จูงเอา บ้างครั้งอยากโชว์ ปั้นไปก็ลมเปื้อนทรายกันไป หากวันไหนไม่มีรถจักรยานไปก็อาศัยปั่นให้สาว ๆ ที่เขาเอามาเรียกว่าสนุกตามประสาเด็กชนบท บางครั้งรถพังก็เดินกับเพื่อน ๆ ตามเส้นทางลัดไร่มัน ไร่แตงโมของชาวบ้านไป เจอเจ้าของก็ขอแตงโมกินบ้างตามประสาเด็ก ซึ่งเขาก็ให้นะ
ช่วงเรียนชั้น ป.6 ก็คงเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าน่าจะมีความสนุกมากสุด แต่ก็มีปัญหาตามมา เพราะครูก็มาถามในห้องว่าไหนใครจบ แล้วจะไปทำอะไร เพื่อนก็พากันตอบไปว่าเรียนต่อ ม.1 บ้าง ไปทำงานกับพ่อแม่บ้าง ไปทำงานโรงงานกับญาติบ้าง ทำงานที่บ้านบ้าง แต่ผมนะเหรอไม่รู้จะตอบว่ายังไง ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าอนาคตจะไปทางไหน ผมเองเคยทำงานรับจ้างปลูกมัน ปลูกอ้อย ร้อนมาก ได้วันละร้อยกว่าบาท ช่วงนั้นไปกับเพื่อน ๆ นะครับ แต่ไม่ได้ไปบ่อย ผมก็กลับมาถามพ่อแม่ว่าจะเรียนต่อได้มัย พ่อกับก็บอกว่า ไม่มีเงินส่งเรียนนะ เพราะสมัยนั้นจะเรียนต่อมัธยม ม.1-3 ต้องมีค่าใช้จ่าย มีค่าเทอม แล้วต้องไปเรียนที่อำเภอ
ซึ่งผมก็ทำใจว่า คงต้องออกมาทำงานด้วยวุฒิ ป.6 ช่วยเหลือพ่อแม่...อาจจะไปทำงานโรงงาน...เท่านั้น
ผมก็ใช่ชีวิตในสมัยเด็กช่วงนั้นจนจบชั้น ป.6 แล้วชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป.....ติดตามได้ในตอนที่ 3
บ้านวังทะลุปัจจุบันก็ได้ถูกนำพื้นที่มาสร้างเป็นเขื่อนกับเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ ช่วยเหลือภัยแล้ง และบรรเทาน้ำท่วม ในพื้นที่อำเภอนาดี ซึ่งผมเองก็ได้เดินทางไปท่องเที่ยวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ผมไปในช่วงหน้าแล้ง