สวัสดีครับ ชีวิตหลังจากที่ต้องออกจากบ้านมาตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อมาเรียนต่อในเมืองก็ต้องห่างไกลจากพ่อแม่ แต่นั้นก็เพราะพ่อแม่เห็นประโยชน์ของการเรียนต่อที่จะช่วยผลักดันให้เรามีความรู้
พอจบ ม.6 ก็ออกเดินทางไปเรียนมหาวิทยาลัยในภาคอิสานที่ห่างใกลจากพ่อแม่มากยิ่งขึ้น แม้จะรู้ว่าเรามาเรียนรู้เพื่อสร้างอนาคต แต่ก็อดใจหายไม่ที่ต้องไปเรียนไกล ๆ บ้าน ชีวิตนับจากจบ ป.6 จนมาเรียนปริญญา ก็ 15-16 ปีที่ห่างไกลครอบครัว ปิดเทอมอยู่บ้านแค่วันสองวันจากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือมาช่วยเหลืองานของผู้อุปการะคุณ ความห่างไกลบ้าน ทำให้แทบจะลืมชื่อญาติบ้านใกล้เรีอนเคียง คงจำได้แต่ลุง ๆ ป้า ๆ ที่เคยรู้สมัยเด้กเท่านั้น รุ่นหลัง ๆ มาไม่รู้จักเลย
แต่ความยากจนเหล่านี้ก็ยังทำให้เราต้องห่างใกลบ้านเพื่อหางานทำเหมือนเดิม ทำงานเป็นครูที่โรงเรียนในต่างจังหวัด เพื่อหาเงินช่วยเหลือพ่อแม่ แม้ว่าในช่วงแรกเงินจะไม่มากมาย แต่ก็ยังดีี่มีเงินส่งท่านได้บ้าง การเป็นครูสอน ไม่มีรถไม่มีลา ก็ทำให้เดินทางกลับไปเยี่ยมท่านลำบากเหมือนเดิม งานโรงเรียนโดยเฉพาะโรงเรียนประจำ การกุศลช่วยเหลือคนอื่น ก็ต้องทำให้เราต้องอยู่ดูแลนักเรียนมากกว่าโรงเรียนแบบไปกลับ
การที่ต้องห่างไกลบ้านครอบครัวก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ พอมีครอบครัวของเราด้วยความยากจนที่ต้องดิ้นรน อีกใจที่อยากช่วยเหลือนักเรียนกก็ต้องทำให้ครอบครัวต้องห่างกันอีก นีก็กว่าสิบปีแล้ว ที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเหมือนกับครัวคนอื่น ๆ บางครั้งก็น้ำตาตกในเมื่อภรรยาถามว่า เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้าน พ่อแม่แก่มากแล้ว.......ถามมาหลายปี จนตอนนี้ไม่ถามแล้ว ...แต่ผมก็ไม่เคยตอบ....เศร้าครับ น้ำตามันไหลข้างใน เมื่อไหร่ครอบครัวจะได้มาอยู่พร้อมหน้า......คำถามนี้...ถูกถามอีกแล้ว....
ความยากจนของผมเกิดจากการ การไม่ฝึกฝนทักษะที่จะทำให้มีเงิน/ร่ำรวย ขาดความกล้า ช่วงหนุ่มไม่เก็บออมให้มากพอ ขาดเป้าหมายที่ชัดเจนและความต่อเนื่อง ใจใหญ่แจกจ่ายเลี้ยง ล้มเหลวไม่สู้
แต่ตอนนี้นี้ผมต้องลงมือทำแล้ว เพื่อหวังว่าจะมีครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้า....เพื่ออนาคตของครอบครัว...