สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องพืชชนิดหนึ่งซึ่งผมเองก็พึ่งเคยเห็นดอกเป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนกันครับ นั่นคือ ดอกของว่านหางจระเข้ ปกติแล้วว่างหางจระเข้เป็นพืชที่ปลูกตามบ้านเรือนเพื่อใช้เป็นยาสำหรับการรักษาอาการของการถูกน้ำร้อนลวก หรืออาหารปวดแสบร้อนจากแผลของการโดนไฟแล้วเกิดการพุพอง แต่วันนี้ที่บ้านผมได้ต้นว่านหางมาจากบ้านแม่เพื่อนำมาปลูกประดับ เนื่องจากลำต้นมีขนาดใหญ่ ปลูกไว้ดูแลมาก็หลายปีไม่เคยเจอดอกเลย พอมาปีนี้กันยายน 2561 ผมก็ได้เห็นดอกของว่านหางจระเข้ ซึ่งก้านดอกจะมีความสูงประมาณ 1 เมตร มอกเห็นแปลกตาและสวยดีครับ ลองมาชมภาพกัน หากใครปลูกอยู่ก็ขอให้ดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยให้ดีแล้วจะได้เห็นดอกที่สวยงามแน่นอน
ความรู้เกี่ยวกับว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ จัดอยู่ในตระกูลลิเลี่ยม (Lilium) แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น
(ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ว่านหางจระเข้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุก มีข้อและปล้องสั้น ใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม ขอบใบมีหนามแหลม แผ่นใบหนาอวบน้ำมาก ข้างในเป็นวุ้นใส น้ำยางสีน้ำตาลอมเหลือง ดอกเป็นช่อแตกออกที่ปลายยอด โคนดอกย่อยเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายกลีบดอกแยกเป็น 6 แฉก สีส้มแกมเหลือง ผลเป็นผลแห้ง แตกได้
ส่วนที่ใช้เป็นยาและสรรพคุณ
- วุ้นจากใบ ใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวก ผิวหนังอักเสบ บวม แมลงกัดต่อย เริม และฝี
- ยางจากใบและต้น ใช้รักษาอาการท้องผูก
(ที่มา http://www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/alovera.html)