25/01/2558

Luna nut-Chammaliang-ชำมะเลียง-ไม้ผล-ไวน์-และ-สมุนไพร

          สวัสดีครับทุกท่าน ในวันนี้ผมได้นำต้นไม้ที่ดอกและผลสวยมาฝากครับ  ผมเองคิดว่าหลายคนคงยังไม่เคยเห็นตนนี้แน่นอน ผมเองก็เคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกครับ ในวันศุกร์ผมได้ไปรับประทานอาหาร สเต็กหมูกับไวท์ผลไม้ ที่ร้านบ้านเนินพะยอม ก็ใกล้ท่าเรือแกลงครับ ระหว่างนั่งทานอยู่นั่นก็มองเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง  เอ๊ะ...ทำไมดอกสวยแบบนี้ พยายามเพ่งมองออกไป ตอนแรกนึกว่าเป็นต้นลำไย... แต่พอพนักงานเสริฟมาก็เลยถามว่าต้นอะไร....พนักงานบอกว่า  ...ชำมะเลียง....ผมก็งงซิครับเกิดมาก็เพิ่งจะได้ยินชื่อนี้...และพนักงานยังบอกอีกว่า...เอาไว้ทำไวท์ผลไม้....เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมจึงถ่ายรูปดอกและผมของชำมะเลียงมาฝากแบ่งบันทุกท่านให้ได้รู้จักครับ

กลับมาถึงบ้านก็เลยหาข้อมูลจากเน็ต และต้องขอบคุณข้อมูลจากเว็บ
http://clgc.rdi.ku.ac.th/index.php/ornamental/498-lepisanthes ที่ทำให้ผมได้รู้จักชำมะเลียงที่เป็นทั้งผลไม้และสมุนไพรที่มีประโยชน์ครับ
ชำมะเลียง
ชื่ออื่นๆ : ภาคกลาง ภาคใต้ เรียก ชำมะเลียงบ้าน พุมเรียง พุมเรียงสวน ตราดเรียก โคมเรียง
                ภาคเหนือ เรียก
ผักเต้าและมะเถ้า ภาคอีสาน เรียก ภูเวียง
ชื่อสามัญ : Luna nut หรือ Chammaliang
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lepisanthes fruticosa (Roxb.)Leenh.
วงศ์ : Sapindaceae




ถิ่นกำเนิด : ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะทั่วไป : ไม้พุ่มถึงไม้ต้นขนาดเล็ก ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านสาขา สูงได้ถึง 8 ม. ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่ถึงรูปไข่กลับกว้าง 2-8 ซม. ยาว 9-30 ซม. ปลายใบแหลมทู่ โคนใบสอบ ผิวใบเกลี้ยง ใบเขียวเต็ม มีหูใบ แผ่เป็นแผ่น รูปเกือบกลม ขนาดกว้าง 2-3.5 ซม. เรียงเวียนซ้อนกันบริเวณโคนก้านใบใกล้ปลายยอด ดอกสีขาวครีม ออกเป็นช่อห้อย ยาวถึง 75 ซม. แยกเพศ ดอกบานกว้าง 5-7 มม. กลีบรองดอก 4 กลีบ รูปเกือบกลม กลีบดอก 4 กลีบ เกสรผู้ 5-8 อัน รังไข่มี 2 ช่อง ผลรูปไข่ถึงรูปรีป้อม สีม่วงดำถึงออกแดง ผิวเกลี้ยงมักมี 2 เมล็ด
ฤดูการออกดอก : มิถุนายน - ธันวาคม
การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด
ข้อดีของพันธุ์ไม้ :
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีการขยายพันธุ์ง่าย ขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด
ขึ้นได้ในดินเค็ม การแพร่กระจายพันธุ์ตามธรรมชาติพบมากแถบพื้นที่ชายทะเล
ชำมะเลียงเป็นพันธุ์ไม้ผลพื้นเมือง จึงทนทานโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดี
ข้อแนะนำ :
ก่อนรับประทานผลชำมะเลียงควรคลึงเบาๆ ให้ทั่วผล จะลดรสฝาดลงได้บ้าง
ข้อมูลอื่นๆ :
ผลชำมะเลียงแก่ มีรสฝาดหวาน คนโบราณให้เด็กดินแก้โรคท้องเสีย
ราก แก้ร้อนใน แก้ไข้เหนือ ไข้สันนิบาต และเลือดกำเดาไหล
ใบอ่อน ใช้ประกอบการทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น ลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่ในแกงเลียง

22/01/2558

Nodding-Clerodendron-ระย้าแก้ว-สร้อยระย้า-สร้อยสายเพชร-สังวาลย์พระอินทร์-ตุ้มหูพระอินทร์-ดอกไม้-สวย-ดอกขาว-แบบม่านไม้

          ระย้าระยับกระทบแดดสีขาววาววับสดใส ...มองทีไรสบายใจทุกครา...


สวัสดีครับมาอีกแล้วครับกับดอไม้แสนสวยสีขาวดอกนี้  ดอกระย้าแก้ว  ดอกสร้อยสายเพชร ดอกสร้อยระย้า และมีอีกหลายชื่อที่เรียกกันครับ สังวาลย์พระอินทร์ และตุ้มหูพระอินทร์ ก็เรียกนะ   ไม้พันธ์ชอบออกดอกในหน้านาว ซึ่งพอดีที่ทำงานของผมกำลังออกดอกสวยเป็นม่านไม้หน้าห้องน้ำ เห็นแล้วผมก็อดที่จะถ่ายภาพมาแบ่งปันผู้ที่ชื่นชอบความงามของธรรมชาติไม่ได้
ทุกท่านลองมาชมกันนะครับ  ผมเองยามที่เห็นก็คิดว่าจะนำไปปักชำเอาไปปลูกที่บ้านซักสองสามต้นครับ สายของช่อดอกดูสวยมาก แต่นี่ก็ยังบานไม่หมดนะครับคาดว่าอีกซักครึ่งเดือนก็น่าจะบานสวยเต็มต้น คงจะน่าดูน่าชมกว่านี้ครับ
          ลองมาทำความรู้จักต้นไม้ดอกสวยพันธ์นี้กันนะครับ (ขอขอบคุณความรู้เกี่ยวกับพันธ์ไม้จากเว็บhttp://www.the-than.com/FLower/Fl-1/60/60.html ครับ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clerodendrum wallichii Merr.
ชื่อสามัญ Nodding Clerodendron
วงศ์ LABIATAE
ชื่ออื่น ระย้าแก้ว/สร้อยระย้า/สร้อยสายเพชร/สังวาลย์พระอินทร์/ตุ้มหูพระอินทร์
ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ใบรูปไข่ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบดอกออกเป็นช่อตามยอด หรือที่ปลายกิ่ง ก้านดอกยาวประมาณ 25 ซม.ก้านดอกเล็กเรียวคล้ายเส้นด้าย กลีบรองดอกรูประฆัง สีแดง กลีบดอกมีสีขาวปลายแยก 5 กลีบ ออกดอกช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงหน้าหนาว ประมาณเดือน ธันวาคม-มกราคม ระยะการบานของดอกนานเป็นเดือน ช่อดอกจะบาน
และยาวออกมาเรื่อยๆ จนยาวเป็นเมตรจนกว่าจะบานหมด
การปลูก
ปลูกได้ ๓ วิธี
๑.ปลูกจากการตัดกิ่งชำ ยิ่งถ้าชำอยู่ในถุงอบเปอร์เซ็นต์รอดจะสูง หรือวิธีีง่ายก็ชำในถุงหรือในถางใส่กาบมะพร้าวสับแล้วรดน้ำชุ่มๆ ทุกวันจนรากติด
๒.การเพาะต้นสร้อยสายเพชรจาก "ไหล"  ซึ่งไหลในความหมายนี้คือ รากของต้นไม้ที่สามารถงอกเป็นต้นใหม่ให้นำไปเพาะได้ ต้นสร้อยสายเพชรมีไหลให้นำไปเพาะได้เยอะมาก  รากชอนไชไปได้ไกล เป็นรากฝอย  รากไม่ทำลายโครงสร้างของบ้าน ปลูกไว้ห่างจากตัวบ้านแค่ 1 เมตร ก็ได้หากที่มีบริเวณแคบ รากชอนไชไปทั่ว  เดินไปทางไหนก็เจอต้นอ่อนงอกเต็มไปหมด
๓.การเพาะเมล็ด บางทีไม่ได้เพาะผลแก่แล้วก็ร่วง ปลิวไปตกที่ไหนก็งอกไปเรื่อย

21/01/2558

rose-valentile-กุหลาบ-สวย-ต้อนรับ-วาเลนไทล์-วันแห่งความรัก

          พบกันอีกแล้วครับในวันนี้ผมมากับดอกกุหลาบสีชมพูจากบริเวณหน้าของผมที่นานๆทีจะไปเจอสักครั้ง และนี่ก็ใกล้เข้าสู่เทศกาลวาเลนไทล์  เทศกาลแห่งความรักที่แสนจะโรแมนติกสำหรับหนุ่ม-สาว ที่หลายคู่หลายคนไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสแบบนี้ บ้างก็ถือโอกาสแต่งงานกัน  บ้างก็บอกรักกัน...
สำหรับผมพอมองเห็นดอกกุหลาบก็คิดถึงคนที่เรารักทันที...และก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปพบไปเจอ..แต่ก่อนจะถึงวันนั้นผมก็มีประวัติของวันวาเลนไทล์มาแบ่งปันเป็นความรู้และขอขอบคุณข้อมูลวันวาเลนไทล์จากเว็บไซต์ http://scoop.mthai.com/specialdays/1535.html  ลองมาติดตามกันนะครับ
       
          วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ซึ่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่ง เป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดา แห่งอิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของเด็กหนุ่มและเด็กสาว ต่อมาใน รัชสมัยจักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม ที่มีกษัตริย์ ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การทำสงครามนองเลือด และทรงห้ามการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด

เซนต์วาเลนไทน์
โดยขณะนั้นมีนักบุญรูปหนึ่งชื่อว่า “เซนต์วาเลนไทน์” หรือ “วาเลนตินัส” ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโรม ได้ร่วมมือกับ เซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ด้วยความปรารถนาดีของท่านนี้เอง จึงทำให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิตโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตเซนต์วาเลนไทน์ ได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อว่า “จูเลีย” ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกประหารชีวิตนั้น เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย อันเป็นที่รัก โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”

ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 (วันวาเลนไทน์) หรือ พ.ศ.813 ราว 1,738 ปี หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่ โบสถ์พราซีเดส (Praxedes)
ณ กรุงโรม ซึ่ง จูเลีย ได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของเซนต์วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ
โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพู ได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว
แต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่า ในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจใน วันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้


20/01/2558

Plumeria-art-paint-ภาพศิลปะ-ภาพวาด-ดอก-ลีลาวดี-จากศิลปิน-มือใหม่


..หอมเอย หอมดอกลั่นทม
กลิ่นลอย ตามลม
เคล้ากลิ่นเส้นผม ของนาง
กลิ่นหอม ละมุน
เหมือนดังกลิ่นกรุ่น สองปรางค์
แม้นได้แนบแอบ เนื้อของนาง
ใครบ้าง จะทน อยู่ไหว......ฯ


       สวัสดีครับ วันนี้มองเห็นดอกลีลาวดีแล้ว อดจะนึกถึงเพลงที่พ่อเปิดให้ฟังสมัยเป็นเด็กไม่ได้.....
ก็เพลง ....ลานรักลั่นทม  ของสายัณห์
อาจจะเก่าบ้างก็คงไม่ว่ากันนะ เพราะนึกออกเพลงเดียว...ครับ
          แต่ที่อยากนำมาเสนอแบ่งปันในครั้งก็คือ ภาพวาด ภาพศิลปะ ดอกลีลาวดี ฝีมือของศิลปินนักเรียนรุ่นใหม่ที่ใช้ความพยายาม ทุ่มเทวาดออกมาอย่างสวยงาม แม้ว่าศิลปินกลุ่มนี้จะไม่ค่อยถนัดในการวาดภาพนักแต่ก็ใช้ฝีมือของตัวเองอย่างเต็มกำลัง  จากที่ได้ถามเจ้าของภาพหลายคน ก็บอกว่าภาพที่วาดในครั้งนี้เป็นการฝึกสมาธิ ฝึกอารมณ์ให้มีสุนทรีย์ภาพสร้างความสุขให้กับตนเอง และยังบอกอีกว่าเป็นภาพผลงานที่เขาภาคภูมิใจที่ได้ลงมือวาดด้วยตนเองอีกด้วย รวมทั้งมีโอกาสก็จะพยายามพัฒนาฝีมือของตนให้ดียิ่งขึ้น                                          ชื่อภาพ: ลีลาวดีออกดอก

ชื่อภาพ  คู่ลีลา