31/03/2564

Legend-history of Wat khao sap-part2-ประวัติวัดเขาสาป-ตำนานภูเขาสาป-วัดมงคลสามัคคีธัมโมทัย-ตอนที่ 2

 ตอนที่ 2

ยุคพระครูวินัยธร (พิศ ปรกฺกโม) ถึง พระวิทยา จิตฺตธมฺโม

          รู้จักเจ้าพ่อบ้านแลงกันหรือยัง?
ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ "ไอ้ถึก" หรือ "จ่าถึก" เป็นญาติสนิทของ นายเสริมศักดิ์ การุญ ส.ส.ระยอง มีชื่อจริงว่า
"ทองอยู่ รอบรู้" ในภายหลังเคยป้อนข้าวป้อนน้ำยามผมตกยาก เป็นผู้พาผมไปรู้จักกับ "พระอาจารย์สุกรี"
ที่วัดจุฬามุนี เมื่อราว 30 กว่าปีที่ผ่านมา

          ชาติตระกูลของท่านเป็น "เพชฌฆาต" ตัดคอนักโทษมานับไม่ถ้วนแล้ว ก่อนหักมุมชีวิตเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์  หลวงพ่อสุกรีของผมเล่าว่า เคยผ่านเย็นร้อนอ่อนแข็งมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ  กรอกแม่โขงเข้าปากเป็นขวดๆ ก่อนเข้าประตูโบสถ์วันรุ่งขึ้น   ดำดินมาอยู่ระยองพรรษาแรกๆ คนระยองตั้งแต่เจ้าเมืองลงมาถึงคนถีบสามล้อมองว่าท่านเป็นพระบ้า  ดูจะไม่ต่างกับ "พระวิทยา จิตตธมโม" นักดอก  ซึ่งก็กรอกเหล้าเป็นขวดๆ
ก่อนเข้าโบสถ์เช่นกัน  คนอย่างนี้ถือเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพระองคุลิมาล มาเฟียกลับใจที่บรรลุ
เป็นพระอรหันต์เรื่องหลวงพ่อสุกรี เขียนไว้แค่นี้ก็เหลือเกินแล้ว  หากท่านสนใจไปสืบค้นเอาเอง

          สิ้นท่านชุมพลก็มาถึงท่านพิศ ศิษย์สำนักจุฬามุนี
          "อาจารย์ชุมพล" เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดเขาสาป คนคนอายุสั้น มีอายุเพียง 45 ปี แต่มี พรรษายาวถึง 20 พรรษา สั้นทางโลกแต่ยาวทางธรรมอย่างนี้เรียกว่า คนมีบุญวาสนา อาจารย์ชุมพลเป็นพระนักพัฒนาหาตัวจับยาก
          "อาจารย์พิศ" เป็นคนปักษ์ ใต้ใจเด็ด เป็นนักเทศน์ฝีปากเอก หลวงพ่อสุกรีส่งมาเป็นเจ้าสำนักวัดเขาสาปเมื่อกลางปี 2524 เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่สอง เป็นคนปัญญาดีมีสายตายาว จับมือกับ นายอุทัย เจริญสวัสดิ์  นักต่อสู้คู่บารมีวิ่งเต้นขออนุญาตกรมการศาสนา เปิดโรงเรียนเด็กเล็กก่อนเกณฑ์ (อนุบาล) ตั้งแต่ปี 2524 โดยมี นายเฉียม ชลศิริ  เป็นมือขวา ครั้นต่อมาปี 2528 นายอุทัยก็หนุนท่านพิศให้  เปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา "มงคลวิทยา" กรมการศาสนาอนุญาต 
ลงวันที่ 30 เมษายน 2528

Legend-history of Wat khao sap-ประวัติวัดเขาสาป-ตำนานภูเขาสาป-วัดมงคลสามัคคีธัมโมทัย-ตอนที่ 1

 ตอนที่ 1 ประวัติโดยสังเขป

วัดมงคลสามัคคีธัมโมทัย(วัดเขาสาป) 
ตั้งอยู่ เขาสาป หมู่บ้านจำรุง 108/2 หมู่ 1 ตำบลเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
__________________________________________
ตำนานวัดเขาสาป
                                             เขาสาปสาปแต่ชื่อ เขานั้นหรือจะสาปใคร
                                        สามัคคีธัมโมทัย มงคลคีรีนิรันดร
                                        ชาติศาสน์กษัตริย์ จักยืนหยัดไม่โยกคลอน
                                        เพราะฟังคำสั่งสอน พระพุทธองค์ชี้นำทาง
                                        ศีลสมาธิปัญญา คือมรรคาที่จัดวาง
                                        ดับทุกข์ดับครวญคราง ดับนิวรณ์โลกียชน
                                        มนุษยสมบัติสวรรค์สมบัติ ฤาเลาะลัดสู่หลุดพ้น
                                        พุทธธรรมนำมวลชน จักล่วงพ้นอบายภูมิเทอญ

          วัดนี้ ได้มีการริเริ่มคิดสร้างเมื่อ พ.ศ.2495
โดยครั้งแรก นายอุทัย เจริญสวัสดิ์ ได้ชวน นายสำเริง อรัญนาถและ นายโพล้ง ฟุ้งเฟื่อง ชาวบ้านช่น  เป็นผู้นำทางให้ขึ้นเที่ยวบนภูเขาสาป นายโพล้งได้นำไต่ขึ้นทางด้านหินขาวเมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว   นายอุทัยเกิดความรู้สึกอยากให้เขาลูกนี้เป็นวัดแต่ก็ไม่ได้บอกกล่าวกับผู้ที่ขึ้นไปด้วย  เมื่อกลับกรุงเทพฯแล้วไม่นาน
นายเฉียม ชลศิริ ชาวบ้านจำรุง ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้กับเขาสาปได้มาพบนายอุทัย   นายอุทัยได้ชักชวน
นายเฉียมให้ช่วยกันชักชวนชาวบ้านจำรุงให้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นที่เขาสาป   ซึ่งนายเฉียมก็ตกลงและยินดี
ยกที่ดินให้เพื่อการก่อสร้างโดยมีที่ดินติดต่อกับเขาสาป   ซึ่งเป็นที่ของนางแกว ภรรยานายเฉียมซึ่งเป็นสวนมะม่วงกับขนุน  โดยนายอุทัยจะเป็นฝ่ายจัดหาเงินมาดำเนินการก่อสร้าง  และลำดับต่อมามีผู้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด
อีก 4 รายคือ นายไทย ขวัญม่วง, นายเสริญ อินพรหม, นายจั๋ง จาระติกรรมา และนายป่อง ชลสวัสดิ์
ซึ่งทั้ง 4 ท่านนี้มีที่ดินอยู่ในบริเวณติดต่อแนวเดียวกันกับเขาสาปเช่นกัน  

          ต่อมาในปี พ.ศ.2500 นายจำเนียร เจียมสมบูรณ์ หัวหน้าแผนกรังวัดที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหา-กษัตริย์  ได้มาขอให้นายอุทัยช่วยเหลือพาพระพม่าและชาวพม่าเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อชมวัดต่างๆ 
ซึ่งนายอุทัยได้ตกลงช่วยเหลือ  นำเที่ยวจังหวัดนครปฐม  อยุธยา  สระบุรี และล่องน้ำดูวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา  พระและชาวบ้านพม่าเหล่านี้ต่างมาในงานฉลองพุทธศตวรรษ 2500 ปี   โดยอาศัยพักอยู่ที่
วัดประดิษฐาราม(วัดมอญ เจริญพาสน์) ซึ่งนายจำเนียรมีบ้านใกล้กับวัดนี้   โดยมีพระสุชิน ญาณรังษี 
จำพรรษาอยู่วัดเดียวกัน เป็นล่ามแปลภาษาพม่าเป็นไทยในระหว่างนำเที่ยว

30/03/2564

Easy to do-ร้อยมาลัย ไม่อยากอย่างที่คิด

 

          การร้อยมาลัย เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทยและความเป็นไทย ที่ทั้งสวยงามประณีตบรรจง และสื่อถึงความหมายในทางที่ดี
ดอกไม้ประดิษฐ์แบบไทยที่เกิดจากฝีมือการประดิษฐ์ประดอยของผู้ร้อยมาลัยผสมผสานกับความงามของดอกไม้ กลีบดอกไม้ ใบไม้นานาพันธุ์ จนเกิดเป็นรูปแบบและลวดลายวิจิตรตระการตรา  มาลัยเป็นความงามที่บ่งบอกถึงความนุ่มนวล อ่อนโยน ความมีสมาธิของชนชาวไทย
          มาลัยกลม หมายถึง มาลัยที่ร้อยให้มีลักษณะรูปทรงตามขวางเป็นวงกลมและรูปทรงตามยาวตรงและขนานกันไปตลอดเข็ม นิยมร้อยตั้งแต่ขนาด 6 กลีบขึ้นไปจนถึง 12 กลีบ หรือมากกว่านี้ก็ได้ย่อมแล้วแต่ชนิดของดอกไม้ ถ้าดอกเล็กหรือกลีบเล็กก็ใช้จำนวนกลีบมาก แต่ถ้าดอกไม้ดอกใหญ่หรือกลีบใหญ่ก็ใช้จำนวนกลีบน้อย

          มาลัยชายเดียว เป็นมาลัยที่มีลักษณะเป็นพวงกลม มีอุบะห้อยลงมาเป็นชายเพียงจุดเดียว อาจเรียกว่า มาลัยมือ หรือมาลัยคล้องแขน ถ้าใช้ในการทูลเกล้าฯ ถวายจะเรียกว่า มาลัยข้อพระกร นอกจากนี้ ยังใช้บูชาพระ หรือไหว้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ

อุปกรณ์
      - เข็มร้อยมาลัย  ด้าย กรรไกร วาสลีน ดอกไม้ที่ต้องการ อาจจเป็นดอกรัก กุหลาบ พุด มะลิ ฯลฯ และอาจจะมีคีมจับสำหรับเอาดอกไม้ออกจากเข็มได้ง่ายขึ้น


วิธีการร้อยมาลัยกลม (http://poopesirinapa.blogspot.com/)
      1. คัดเลือกดอกหรือกลีบดอกให้ขนาดเท่าๆ กัน
      2. การส่งกลีบหรือก้านดอก จะต้องให้ยาวเท่าๆ กันทุกกลีบ หรือทุกดอกทั้งในแนวเดียวกันและระหว่างแถวด้วย เพื่อให้มาลัยที่ร้อยเสร็จแล้วนั้นมีสัดส่วนและรูปทรงที่สวยงาม ดังนั้นในการร้อยดอกไม้แต่ละดอกหรือแต่ละกลีบ ควรจะต้องวัดก้านก่อนแทงใส่เข็ม
      3. ร้อยแถวแรกหรือชั้นแรกให้เป็นวงกลมจัดระยะห่างแต่ละกลีบให้เท่ากัน โดยเริ่มร้อยกลีบแรกเรียงจากซ้ายวนไปทางขวา ( ตามเข็มนาฬิกา) จนครบจำนวนกลีบตามต้องการ
      4. ร้อยแถวที่ 2 โดยวางกลีบให้สับหว่างกับกลีบในแถวแรกทุกกลีบ จนครบจำนวนกลีบเท่ากับแถวที่ 1

Do you know the famous river of Thailand?-มาทำความรู้จักแม่น้ำคือ ชีวิต แม่น้ำสายสำคัญของไทย

           สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมได้ฟังข่าวที่ในแต่ละจังหวัดมีการเร่งสำรวจแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีสำคัญของชาติ นั่นคือ  งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 62 นี้  ผมจึงได้รวบรวมค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับแม่น้ำสายสำคัญของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และความรู้โดยทั่วไป


เครดิต pooysb.blogspot.com
          จริงๆ แล้วชีวิตของมนุษย์มีความสัมพันธ์กับสายน้ำ หรือแม่น้ำมาโดยตลอด จนสามารถเรียกได้ว่า สายน้ำคือสายของชีวิต เพราะการตั้งถิ่นฐานในอดีตก็ยึดถือในบริเวณที่ใกล้แม่น้ำ เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ทั้งอุปโภค บริโภค ตลอดการเกษตรเพาะปลูก หรือเลี้ยงสัตว์ แม้แต่ประมงด้วย ฯลฯ  ดังนั้นเราลองรู้จักสายน้ำสายคำคัญของประเทศไทยหล่อเลี้ยงผู้คนมาจวบจนปัจจุบันกันนะครับ

แม่น้ำกก
          - มีความยาว 285 กิโลเมตร 
          - มีต้นกำเนิดจากทิวเขาแดนลาวและทิวเขาผีปันน้ำตอนเหนือของเมืองกก จังหวัดเชียงตุง ภายในอาณาเขตของรัฐชานในประเทศพม่า ไหลเข้าสู่ประเทศไทยที่ช่องน้ำแม่กก อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ไหลมาเรื่อย ๆ จนผ่านตัวอำเภอเมืองเชียงราย หลังจากนั้นก็ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่บริเวณสบกก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย


แม่น้ำกระบุรี
          - มีความยาว 135 กิโลเมตร
          - ต้นน้ำเกิดจาก เทือกเขาตะนาวศรี ไหลลงมาทางใต้ เป็นเส้นกั้นพรหมแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับพม่า ในเขตจังหวัดระนอง และไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ในเขต อ.กระบุรี จ.ระนอง 

28/03/2564

Cicada: Chorus of the Forest-จักจั่น : นักร้องเสียงเพราะแห่งพงไพร

           สวัสดีครับวันนี้ช่วงเช้าเดินผ่านต้นไม้ก็จะได้ยินเสียงแมลงร้องดังระงมไปหมด จนหูอื้อกันเลยทีเดียว ทำให้ผลก็หันหาต้นตอของเสียงว่ามาจากพวกไหน ก็หาจนเจอในที่ที่สุกก็รู้ว่าเสียงนี้คือ เสียงของ


           จักจั่น อ่านตามราชบัณฑิตยสภา (อ่านว่า จัก-กะ-จั่น)  ซึ่งคนทั่วไปแม้แต่ผมเองก็เรียกว่า จั๊ก-กะ-จั่น. มาลองทำความรู้จักกันนะครับ

looking flowers and write poetry-กิจกรรมยามว่าง-นั่งมองดอกไม้-ฝึกเขียนบทกลอน

 

         สวัสดีครับ  ช่วงนี้ดอกไม้กำลังบานสะพรั่งมากมายทีเดียว มองไปทางไหนก็สวยงามทำให้ผมอดใจไม่ไหวหยิบกล้องถ่ายรูปมาแบ่งปันกันชม  ระหว่างถ่ายรูปก็เกิดความสุข  ความคิดถึงที่รักขึ้นมาทันที จากนั้นก็ส่งรูปผ่านไลน์ไปให้ดู  ระหว่างนั้นก็เกิดสุนทรีย์อยากเป็นนักกวีนักกลอนกับเขาบ้างจึงแต่งกลอนดูบ้าง
ลองมาดูกันครับ...(ติชมได้นะครับ)
       ดอกไม้สวยงามเด่นเย็นชื่นจิต
มองแล้วคิดถึงเธอเพ้อมองหา
ส่องดอกไม้ถ่ายรูปเปรมอุรา
ส่งไลน์หาผ่านจอมาน่ารักจัง
                           (ดอกสาละ มีสาระ)


หัวใจสีม่วงเข็มแดงแทงเข้าจิต
มองเพิ่งพิศกุหลาบชมพูที่เอนไหว
เฟรินมอสเกาะหินน่าประทับใจ
มองคราใดเพิ่มความสุขวันเอย
                           (ดอกสาละ มีสาระ)

valentine love love - เพ้อฝันวันวาเลนไทน์ - จินตนาการล้วนๆ

 


          สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็ไกล้ Valentine's day แล้ว
เป็นวันที่หลายๆคน favourite very much เพราะกำลังอยู่ในช่วง in love แบบ love so much  ส่วนผมนะเหรอ now กำลังอยู่ในช่วงความรักแบบ happy คิดอะไรก็หวานไปหมด  สำหรับวันวาเลนไทน์นั้นเป็นวันที่ยกย่องเชิดชูความของนักบวชวาเลนไทน์ ครับ
(ลองศึกษา read about valentine's history  ดูนะ)

         ดังนั้นวันนี้จึงมีภาพของ rose ดอกกุหลาบที่ผมได้ปลูกไว้ กำลังออกดอกสีชมพูสวยเลยที่เดียว เมื่อผมเห็นก็อดใจไม่ได้นำมาเขียนแบบเพ้อฝันผสมเพ้อเจ้อแบ่งปันทุกท่านได้จินตนาการไปพร้อมกัน...ครับ

รัก รัก รัก....และรัก
หลง หลง หลง แล้วก็หลง
เพราะมั่นคง มั่นคง อย่างมั่นคง
อย่างเจาะจง...มั่นคงเธอคนเดียว
อยากรักใคร  ก็จงรัก
อยากบอกใคร ก็จงบอก
อยากทำไร  ก็จงทำแต่ดี
อยากให้มีวันนี้  พรุ่งนี้และต่อไป(กับเธอนะ)



ความรักเปรียบเหมือนทางขึ้นเขา ที่เราจะต้องออกแรงเข็ญอย่างเต็มกำลัง

ความรักคือทางเท้า  ที่เราจะต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวัง


ความรักคือถนนทางหลวง ที่จะต้องเจอทั้งไฟแดง ไฟเขียว แซงซ้ายและแซงขวา

ความรักคือการลงทุน เพราะจะต้องหาเงินมาหมุนมีทั้งขาดทุนและกำไร

ความรักคือวิทยาศาสตร์ ที่ต้องควบคุมข้อผิดพลาดและตัวแปรให้ดอย่างดี

ความรักคือคณิตศาสตร์  ที่ทำให้ต้องใช้สมการหลายตัวแปร

ความรักคืออนาคต ที่ต้องปักหมุดอย่างมั่นคง

ความรักคือพลังงานไฟฟ้า ที่สามารถวัดค่าความต่างศักย์ กระแส และความต้านทาน