04/02/2562

Ordination ceremony-ร่วมงานบวชนาค-ทำความดีด้วยการอนุโมทนาบุญ

          สวัสดีครับ วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีกิจกรรมในหมู่บ้าน เป็นงานอุปสมบทของญาติในหมู่บ้าน ถือเป็นงานดี สร้างสิริมงคลให้ชีวิต  งานอุปสมบท หรือเรียกกันทั่วไปว่า งานบวช  งานบวชเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของชาวพุทธ ที่ผู้ชายที่อายุครบ หรืออย่างน้อย 20 ปี ต้องออกบวช ศึกษาเล่าเรียนธรรมวินัย แล้วนำความรู้เหล่านั้นไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือจะเรียกอีกอย่างว่า เป็นประเพณีที่เปลี่ยนผ่านช่วงวัย จากวัยเด็ก สู่ วัยผู้ใหญ่   ในการบวชนั้นยังเป็นการตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ เช่นบิดามารดาเนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนาที่สอนให้เป็นคนมีความกตัญญูกตเวที รวมทั้งการบวชเป็นพระภิกษุถือเป็นการทำความดีสูงสุด เพราะทำความดีด้วยการปฏิบัติบูชาเรียกว่าเป็นการพาพ่อแม่ไปสู่โลกสรวงสรรค์  งานบวชจึงเป็นงานที่มีผู้ร่วมงานอย่างมากมาย และมีการจัดอย่างยิ่งใหญ่ตามแต่ละพื้นที่ชุมชน

อุปสมบท และบรรพชา ต่างกันอย่างไร
          การอุปสมบท และการบรรพชา มีความเหมือนกันในส่วนของการสละ ออกจากบ้านเรือนและไปปฏิบัติถือศีลในอารามหรือวัด   แต่มีความแตกต่างกันตามการใช้งาน คือ
การอุปสมบทจะใช้กับการบวชเป็นพระภิกษุ ถือปฏิบัติตามวินัยสงฆ์ 227 ข้อและธรรมเนียมปฏิบัติอื่นๆ ของคนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป   ส่วนการบรรพชาใช้กับการบวชเป็นสามเณร ถือปฏิบัติตามศีล 10 ข้อ



สิ่งที่ต้องมีในการบวช
           - ไตรจีวร
               ไตรจีวร คือ ผ้าจีวร ๓ ผืน คนไทยเรียกสั้นๆ ว่า ผ้าไตร เป็นชื่อเรียกผ้านุ่งผ้าห่มที่พระสงฆ์ใช้สอย หมายถึงผ้า 3 ผืน ซึ่งมีทั้งผ้านุ่งและผ้าห่ม อันได้แก่ สังฆาฏิ (ผ้าพาดบ่า)
อุตราสงค์ (ผ้าจีวรสำหรับห่ม) และอันตรวาสก (ผ้าสบงสำหรับนุ่ง) แต่นิยมเรียกรวมกันว่า ไตรจีวร ไตรจีวรเป็นปัจจัยหรือบริขารของพระสงฆ์อย่างหนึ่งในจำนวน 8 อย่าง
           - บาตร  บาตรเป็นหนึ่งในอัฐบริขาร เป็นของที่พระภิกษุและสามเณรใช้ในการบิณฑบาต
           - พระอุปัชฌาย์
              พระอุปัชฌาย์มีหน้าที่หลัก 2 อย่างคือเป็นผู้รับผิดชอบและรับรองผู้บวชในพิธีบรรพชาอุปสมบทและเป็นผู้รับปกครองดูแล แนะนำ ตักเตือนและติดตามความเป็นอยู่ของผู้ที่ตนบวชให้

คุณสมบัติของผู้ที่จะบวช
          สำหรับผู้ที่จะบวชพระจะต้องมีคุณสมบัติ
                    -ต้องรู้เดียงสา คือ ผู้อุปสมบทต้องอายุตั้งแต่ ๒๐ ปีขึ้นไป
                    -ไม่เป็นโรคติดต่อ หรือโรคร้ายแรงและโรคที่สังคมรังเกียจอื่น ๆ
                    -ไม่เป็นผู้มีอวัยวะบกพร่อง หรือพิการ
                    -ไม่เป็นคนทุรพล เช่น แก่เกินไป ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
                    -ไม่เป็นคนมีพันธะ คือ คนที่บิดามารดาไม่อนุญาต คนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ข้าราชการที่ไม่ได้รับอนุญาต
                    -ไม่เป็นคนต้องโทษ หรืออยู่ระหว่างถูกลงอาญา
                    -ไม่เคยต้องอาบัติปาราชิก ในการบวชครั้งก่อน

วันสุกดิบ
          วันสุกดิบ คือวันเตรียมตัวก่อนวันทำพิธีบวช 1 วัน ก่อนหน้านี้เจ้าภาพ จะต้องเตรียมข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆ สำหรับการบวช และเลี้ยงรับรองแขกไว้ให้เรียบร้อย. 


การแห่นาค
          ขบวนแห่ไปยังวัด แล้วแห่นาคไปยังโบสถ์ เวียนโบสถ์สามรอบแบบทักษิณาวรรต พร้อมด้วย เครื่องอัฏฐบริขาร ที่ใช้ในการบวช และของ ที่ถวายพระ จนครบแล้วจะให้นาคมาวันทาสีมา ส่วนเครื่องอัฏฐบริขาร และของถวายพระ จะนำไปตั้งในโบสถ์ก่อน
การโปรยทาน
          “การโปรยทาน” เป็นคติทางพุทธศาสนา โดยยึดตามพุทธประวัติว่า เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงสละเงินทองทรัพย์สมบัติแล้วออกผนวช โดยไม่ปรารถนาที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน  ดังนั้นการโปรยทานก่อนเข้าโบสถ์ของนาค  จึงเป็นการแสดงว่าต่อจากนี้ไปนาคได้สละสมบัติทุกอย่างแล้ว ตามประเพณีนิยม เมื่อแห่นาคไปยังโบสถ์ เวียนโบสถ์สามรอบพร้อมด้วยเครื่องอัฏฐบริขารที่ใช้ในการบวช และของที่ถวายพระส่วนเครื่องอัฏฐบริขารและของถวายพระ จะนำไปตั้งในโบสถ์ก่อนการวันทาสีมา นาคจะจุดธูปเทียน ที่เสมาหน้าโบสถ์แล้วนั่งคุกเข้าประนมมือกล่าวคำวันทาสา แล้ว
กราบ ปักดอกไม้ธูปเทียน ณ ที่จัดไว้ นำนาคมาที่หน้าโบสถ์ ‘นาคจะโปรยทาน’ เสร็จแล้วจะจูงนาคเข้าโบสถ์โดยบิดาจูงมือข้างขวา มารดาจูงมือข้างซ้าย พวกญาติคอยจับชายผ้าตามส่งข้างหลัง

การทำความดี ด้วยการอนุโมทนาบุญ
          "อนุโมทนา" หมายถึง การพลอยชื่นชมยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว ขณะใดที่มีใจเบิกบาน พลอยชื่นชม ยินดี ในความดีของผู้อื่น ไม่ว่าประการใด ๆ ขณะนั้น เป็นกุศลจิต ครับ
          อานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญ ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 26 ข้อ 44 ได้กล่าวถึงการอนุโมทนาบุญของเพื่อนนางวิสาขาไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระอนุรุทธเถระจาริกไปในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ไปเห็นทิพยวิมานหลังใหญ่ล่องลองอยู่ในอากาศ แวดล้อมไปด้วยอุทยานและสระโบกขรณี เจ้าของวิมานนั้นเป็นเทพธิดาวรรณะงาม มีรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศ เมื่อยามเยื้องกรายหรือร่ายรำก็มีเสียงทิพย์อันไพเราะ น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจดังขึ้น พระอนุรุทธเถระจึงถามเทพธิดาเจ้าของวิมานนั้นว่า นางทำบุญด้วยอะไรมาทิพยสมบัตินี้จึงเกิดขึ้น นางเทพธิดาตอบพระเถระว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ดิฉันเป็นเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา เมื่อเพื่อนของดิฉันสละทรัพย์ถึง 27 โกฏิ เพื่อสร้างบุพพารามมหาวิหาร และได้ชวนดิฉันและสหายอีก 500 คน ไปเที่ยวชม เมื่อดิฉันเห็นมิคารมาตาปราสาทที่เธอสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ดิฉันเคารพแล้ว ก็เกิดความเลื่อมใสในบุญของเธอ จึงอนุโมทนาบุญกับเธอออกไปว่า ‘สาธุ สาธุ’”

สถานที่บวช
          - การบวชพระ หรือการอุปสมบทต้องทำเป็นสังกรรมภายในสีมา หรืออุโบสถ (โบสถ์) เท่านั้น  และต้องมีพระภิกษุร่วมไม่น้อยกว่า  10 รูป